หมวดหมู่: บทวิเคราะห์
BLS
บล.บัวหลวง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
 
ภาพตลาดและแนวโน้ม 
 
Sideways up 
          เมื่อวานดัชนีฯลงหลุด 1730 จุด จากแรงขายหุ้นใหญ่อย่าง MINT -4% JAS -3% TRUE  BEM  AOT  IVL GPSC  CPALL เป็นต้น แต่หุ้น Local play เล่นได้ดีกว่าตลาด เช่น ITEL  ECL  MC  TKN  FN  เป็นต้น   
          วันนี้คาด ดัชนีฯ Sideways up กรอบ 1723-1735 จุด       
          สัปดาห์นี้แนวโน้มดัชนีฯ คาดว่าจะเล่นขึ้นได้ดีกว่าสัปดาห์ที่ผ่านมา (กรอบ 1730-1760) จากผลประกอบการ แบงก์ ที่ไม่ได้แย่อย่างที่สะท้อนไปในราคาหุ้น, แนวโน้มดอกเบี้ยขาลง (หวังเฟดลดดอกเบี้ย 31 กค.), สภาพคล่องส่วนเกินในตลาดยังคงสูง ส่วนกลยุทธ์ ยังคง แนะนำ เลือกลงทุนหุ้น เป็นราย "ธีม". (ดูหุ้นแนะนำ ตาม Theme ในรายงาน Weekly) 
 
What to watch:  
          (0/-) วันศุกร์ คาด GDP 2Q สหรัฐ จะหดตัวแรง เป็นไตรมาสแรก โดยคาด +1.8% จาก 1Q19 ที่เติบโต 3.1% q-q 
          (+/-) เมื่อวานตัวเลขส่งออกไทย (มิย.) -2.15% ดีกว่าที่คาด -5%y-y (จาก -6.2%y-y) เป็นผลจากส่งออกทอง +317%y-y หากลบทองออก จะติดลบ -9.6%y-y และครึ่งปีแรก -4.7%y-y BBL Economic research มีการปรับลดเปาหมายส่งออกปีนี้ ลง เป็น -1% จากเดิมคาด +0.5% โดยคาดครึ่งปีหลังส่งออกไทยจะพลิกกัลมาบวกได้ +0.9% (จาก 1H19 -4.7%)     
          (+/-) การประชุม ธนาคารกลางยุโรป วันพฤหัสนี้ MS คาด ECB จะยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงดอกเบี้ยเงินฝากที่ -0.4% โดยต้องรอไปถึงเดือน กย. คาดจะปรับ 10bp เป็น -0.50% ซึ่งตลาดหุ้นยุโรปได้ขานรับ โอกาสในการปรับลดไปแล้ว (นักเศรษฐศาสตร์ 40% ให้น้ำหนักปรับลงในการประชุมรอบนี้) คาดการไม่ลดดอกเบี้ยอาจทำให้ตลาดผิดหวัง และปรับลงระยะสั้น ส่วนการเริ่ม QE II คาดว่าจะเริ่ม ปลายปีนี้ หรือ 1Q20 ซึ่งต้องรออ่าน message จากประธาน ECB ในการประชุมรอบนี้อีกที 
          (*) หุ้นขึ้น XD รับปันผลระหว่างกาล 24 กค. BMSCITH@030 / 26 กค. This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it. / 30 กค. This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.      
 
หุ้นแนะนำ  
          EPCO  แนวรับ 3.84 ต้าน 4 Stop loss 3.8 คาดกำไร 2Q19 จะเติบโตสูงทั้ง y-y, q-q (จาก 1Q19 กำไร 47 ลบ. และ 2Q18 กำไร 7 ลบ.) จากรายได้โรงไฟฟาโซลาร์เวียดนาม 110MW (ถือหุ้น 65%) ที่เพิ่งจ่ายไฟไปเมื่อ ต้นเดือน มิย.ที่ผ่านมา โดยกำลังการผลิตจะเพิ่มจากปีก่อนที่ 424MW เป็น 550MW (โดย ตค.นี้โรงไฟฟาโซลาร์ที่ญี่ปุนจะรับรู้เพิ่มอีก 21 MW)   
          SPCG  แนวรับ 19.1 ต้าน 19.8 Stop loss 18.7    
 
รายงานวันนี้  
 
BANK: Earnings in line with expectation; better trend ahead 
          สรุปผลประกอบการธนาคาร 9 แห่งที่เรา cover รายงานกำไร 5.34 หมื่นล้านบาท (ทรงตัว YoY ลดลง 4.2%QoQ) ผลประกอบการเป็นไปตามคาด โดย TMB รายงานกำไรดีกว่าคาด เพราะค่าใช้จ่าย OPEXน้อยกว่าคาด ส่วนกำไรต่ำกว่าเราคาดมี KKP (รับรู้ IB fee ไม่ทัน 2Q19) และ KBANK (มีค่าใช้จ่ายพิเศษปรับเงินเดือนพนักงานย้อนหลัง 6 เดือน) สำหรับการลงทุนใน 2H19 เราแนะให้เลือก BBL (เพราะถูกPBv 0.8 เท่า และมีโอกาสปล่อยสินเชื่อให้กับโครงการโครงสร้างพื้นฐานสูง) KKP (ปันผลสูง และอัพไซด์จากการรับรู้ IB fee) TISCO (ปันผลสูง หนี้เสียต่ำ และมีธุรกิจที่ให้ผลตอบแทนสูง) 
 
Energy: 2Q19 NPAT contraction expected; 3Q19 earnings to improve QoQ 
          เราคาดกำไรสุทธิใน 2Q19 ของกลุ่มจะถูกกดดันจากผลการดำเนินงานทีอ่อนแอ (GRM และ Chemical margin ที่ลดลง), กำไรพิเศษที่ลดลงและค่าใช้จ่ายพิเศษจาก Employee benefit โดยเราประเมินกำไรสุทธิโดยรวมที่ 3.8 หมื่นล้านบาทลดลง 24% YoY และ 23% QoQ หากตัดรายการพิเศษกำไรหลักจะปรับตัวลดลง 33% YoY และ 4% QoQ จากกลุ่มโรงกลั่นและเคมิคอลเป็นหลัก อย่างไรก็ตามเราคาดผลการดำเนินงานใน 3Q19 จะสามารถฟนตัวได้ QoQ (แต่ยังลดลง YoY) หนุนโดยกลุ่มต้นน้ำ O&G (ปกติไตรมาส 3 จะเป็นไตรมาสที่อ่อนแอสำหรับกลุ่ม GRM และ ถ่านหิน) เรายังคงชอบ PTT และ PTTEP(กำไรโดดเด่นที่สุดสำหรับใน 2Q-3Q19) ที่สุดในกลุ่ม 
 
Flow Tracker: ฟันด์โฟลว์ต่างชาติมีแนวโน้มกลับทิศเป็นไหลออกในสัปดาห์นี้ 
          นักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นไทย 79 ล้านเหรียญสหรัฐฯในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นยอดซื้อที่เบาบางลงจากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ซื้อ 201 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับกระแสเงินลงทุนในภูมิภาค 5 ประเทศที่เราดู พบว่ากระแสเงินจากต่างชาติรวมเป็นยอดซื้อสุทธิ 241 ล้านเหรียญ ซึ่งต่อเนื่องจากการซื้อสุทธิ 388 ล้านเหรียญในสัปดาห์ก่อนหน้า ในสัปดาห์นี้ดัชนีระยะสั้นของเราชี้ว่ากระแสเงินลงทุนมีความเสี่ยงที่จะไหลออกจากตลาดหุ้นไทย เนื่องจากดัชนี Volume Flow ส่งสัญญาณถึงแรงขายในหุ้นหลายกลุ่ม 
 
Quantitative Strategy: โปรดระมัดระวัง ตลาดจะผันผวนรุนแรงขึ้น 
          ตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวผันผวนในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมาเนื่องจากตลาดได้เข้าสู่ช่วงประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/62 แล้ว เราคาดว่าตลาดหุ้นไทยจะกดดันมากขึ้นในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า เนื่องจากดัชนีทั้งระยะสั้นและระยะกลางปรับตัวแย่ลง ทั้งนี้ดัชนี Bull-to-Bear ระยะสั้นกำลังปรับตัวลงจากแดน Overbought และยังมีโอกาสปรับลงได้อีก ขณะที่ดัชนี Bull-to-Bear ระยะกลางปรับตัวลงตามดัชนี Bull-to-Bear ระยะสั้นตามที่เราคาด ชี้ว่าตลาดหุ้นไทยมีความเสี่ยงที่จะปรับตัวลงมากขึ้น ดังนั้นเรายังคงมุมมองว่าตลาดหุ้นไทยจะเข้าสู่ช่วงปรับฐานในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า 
 
หุ้นมีข่าว  
          (+) เดินหน้า หั่นภาษีบุคคล 10% รมว.คลังเรียกประชุม หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (ที่มา กรุงเทพธุรกิจ) 
          (*) BTS BEM: TDRI เปิดสูตรคำนวณตั๋วรถไฟฟา เที่ยวละ 30 บ. ระบุ ราคาตั๋ว 15 บ.รัฐฯ ต้องชดเชยจำนวนมากเกิน (ที่มา คมชัดลึก) 
          (0/-) PTT รมว.พลังงาน เจรจา ปตท.ยืดระยะเวลาอุ้ม ราคา LPG พร้อมตรึงราคา NGV ในรถโดยสารสาธารณะ ถึง กย. นี้ ก่อน ผลักดันช่วยเหลือผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐฯ (ที่มา คมชัดลึก) 
          (+) EPCO  แตกไลน์ ผลิตกล่องลูกฟูก รองรับช็อปออนไลน์ โต  
          (*) สั่งทบทวนแผนไฟฟา PDP2018 (อีกรอบ) พร้อมส่งให้ รมว.พลังงาน พิจารณาสัปดาห์หน้า (ที่มา ทันหุ้น) 
 
          วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336 
          นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค 
          ธนัท พจน์เกษมสิน,นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน 
          นภนต์ ใจแสน, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน    
 
Trend Forecasting  
 
SET Index ปิด 1,727.58 (-0.43%) มูลค่าการซื้อขาย 5.9 หมื่นล้านบาท 
 
แนวโน้มระยะสั้นมอง          
          SET Index แนวรับ 1,723 แนวต้าน 1,735 / SET100 รับ 2,525 ต้าน 2,540 BSET100 รับ 11.10 ต้าน 11.18 / BMSCITH รับ 12.92 ต้าน 13.00 
 
หัวข้อ : สถิติดัชนีไตรมาส 2 เทียบไตรมาส 3 ขึ้นหรือลงมากกว่า..."
 
กลยุทธ์เทคนิค: 
          สถิติย้อนหลัง 20 ปี ดัชนีไตรมาส 2 ปิดสูงกว่าไตรมาส 3 จำนวน 12 ครั้งจากทั้งหมด 20 ครั้ง คิดเป็น 60% สูงกว่าเล็กน้อย ดังนั้นหากจะให้ผลลัพธ์ดีกว่า ก็ต้องบอกว่า Q3/19 ต้องลุ้นให้ปิดเหนือกว่า 1730 ให้ได้ กลับมามองที่กราฟแท่งเทียนซึ่งทำเป็นรายไตรมาส (1 แท่ง=1ไตรมาส) จะพบแนวต้านสำคัญรออยู่บริเวณ 1765 จุด ซึ่งเคยทำจุดสูงสุดไว้เมื่อไตรมาส 3 และ 4 ปีที่แล้ว ขณะที่แนวรับก็คงถอยลงต่ำกว่า 1730 จุดไม่ได้นานเช่นกัน 
 
มุมมองตลาด: 
          ดัชนีปรับลงปิดช่องว่าง gap บริเวณ 1723 จุดขณะที่โครงสร้างระยะ 1 สัปดาห์แกว่งตัวอยู่ในกรอบ 1720-1740 สัญญาณกลับตัวเป็นขาขึ้นรอบใหม่อาจต้องรอทะลุจุดต้านกรอบบนขึ้นไป กรณีผิดคาดหลุดแนวรับ 1720 จุดจะเกิดสัญญาณขายระยะสั้นโดยให้น้ำหนักการฟนตัวขึ้นมากกว่า
 
วิธีการเลือกหุ้น:  
          เราทำผลทดสอบย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีจันถึงปัจจุบันพบว่า เครื่องมือทางเทคนิคจำพวกเส้นค่าเฉลี่ย เช่น Variable EA Simple EA, Weighted EA และ Exponential EA ค่อนข้างแม่นยำเหมาะสมกับสภาพตลาดในปัจจุบัน 
          Bull Signal: SCB,M,ECL 
          Bear Signal: HMPRO 
          Portforlio: Shipping:TTA,PSL  Media:PLANB, WORK ,MONO FOOD:TKN,TU FINANCE: ASAP,ECL Other:SAMART,NER,COL,GUNKUL,UTP 
          Deleted: TRUE 
          
          ธนรัตน์ อิศรกุล นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์และปัจจัยทางเทคนิค
          This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it. +662-618-1334 
 
Track with Technical 
 
          SCB (SCB01C1911B)
          แนะนำ ซื้อ 
          รับ 140.00 
          ต้าน 150.00 
          เหตุผล วัดผลตอบแทนเปรียบเทียบ 3 แบงค์ใหญ่ ปัจจุบัน SCB ปรับตัวขึ้นดีกว่าบ่งชี้หุ้นผู้นำกลุ่ม ขณะที่เครื่องมือทางเทคนิค MACD บ่งชี้สัญญาณกลับตัว 
 
          M 
          แนะนำ ซื้อ 
          รับ 80.00 
          ต้าน 90.00 
          เหตุผล M ทะลุกรอบสามเหลี่ยม ยืนยันโครงสร้างขาขึ้น หนุนด้วยวอลุ่มเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้โครงสร้างระยะกลางบ่งชี้ราคาฟนตัวขึ้นจากแนวรับพร้อมกับค่า Bull MACD 
 
          ECL 
          แนะนำ ซื้อ 
          รับ 1.83 
          ต้าน 2.00/2.20 
          เหตุผล วอลุ่มเพิ่มสูงขึ้นในรอบสัปดาห์ เตรียมทะลุทำจุดสูงสุดอีกครั้ง ลุ้นทะลุต้านแรก 2 บ. มองต้านถัดไป 2.2 ขณะที่โครงสร้างระยะสั้นเกิดสัญญาณ กระทิงพร้อมกัน 
 

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!