หมวดหมู่: บทวิเคราะห์
FSS
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
 
กลยุทธ์วันนี้ >> Earnings Play//Range Trading
          ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวลง 7.52 จุดตามตลาดหุ้นภูมิภาคหลังไร้ปัจจัยใหม่เข้ามาหนุนทำให้มีแรงขายทำกำไรระยะสั้นออกมากดดัน นอกจากนี้ตลาดยังจับตาดูผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนรวมถึงการประชุม FED ปลายเดือน แรงขายส่วนใหญ่ยังมาจากสถาบันในประเทศราว 3.5 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2.2 พันลบ. (แต่ Short Index Futures 1.8 พันสัญญา)
          แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET Index จะยังคงแกว่งตัว Sideway โดยระยะสั้นยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาสนับสนุน โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามระยะนี้ยังเป็นเรื่องผลประกอบการ 2Q19 ของบริษัทจดทะเบียนฝั่ง Real Sector รวมถึงการประชุม FED สิ้นเดือนนี้ว่าจะมีการลดดอกเบี้ยตามคาดหรือไม่ ขณะที่กลุ่ม Domestic Play คาดว่าจะได้แรงหนุนจากการแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อสภาฯในสัปดาห์นี้ จึงยังเน้นเก็งกำไรเป็นรายตัวและรอจังหวะอ่อนตัวของตลาดในการเข้าสะสมหุ้นรอบใหม่ เราประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของ SET บริเวณ 1,715-1,750 จุดในระยะนี้ 
          กลยุทธ์ : เลือกเก็งกำไรเป็นรายตัวโดยเฉพาะที่คาดกำไร 2Q19 แข็งแกร่ง//เก็งกำไรในกรอบ 1,715-1,750 จุด
          หุ้นเด่นเดือน ก.ค. :  ICHI, KKP, MINT, PTTGC, SEAFCO
 
หุ้นเด่นวันนี้: KTB
          - แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 23 บาท 
          - เป็นหนึ่งในสองธนาคารที่กำไรดีกว่าคาดกว่า 10% จากค่าใช้จ่ายตั้งสำรองฯที่ต่ำกว่าคาด (-24% Q-Q, -18% Y-Y สอดคล้องกับ NPL ที่ลดลง) และรายได้ดอกเบี้ยสุทธิดีกว่าคาด Zตามรายได้ดอกเบี้ยจากเงินลงทุนในตราสารหนี้)      
          - แม้กำไร 1H19 (+7% Y-Y) จะคิดเป็น 56% ของทั้งปีที่เราคาด 2.75 หมื่นลบ. แต่เรายังคงประมาณการเพราะครึ่งปีหลังจะมี Employee benefit ราคาหุ้นมี Valuations ถูก มี PBV เพียง 0.8x และ Dividend yield ราว 4% ต่อปี
          Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$568ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลเข้าไต้หวัน US$318ล้าน ส่วนไทยมีเม็ดเงินไหลเข้า US$71ล้าน ขณะที่ไหลออกจากอินโดนีเซีย US$15ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าภูมิภาคหลังสหรัฐใกล้บรรลุข้อตกลงการขยายเพดานหนี้และตลาดกำลังรอผลการประชุม Fed ซึ่งตลาดคาดว่าจะปรับลด 0.25%
 
ประเด็นสำคัญวันนี้
          (-) ส่งออกของไทยเดือน มิ.ย. ที่ -2% Y-Y มาจากราคาทองคำที่สูงขึ้นมาก ถ้าหักมูลค่าการส่งออกทองคำ ยอดส่งออก -8.4% Y-Y ทำให้งวด 1H19 -3.4% Y-Y สินค้าเกษตรหดตัวแรงโดยเฉพาะข้าว (-33% Y-Y) มันสำปะหลัง (-65% Y-Y) และแผงวงจรไฟฟ้า (-21% Y-Y) ตลาดที่หดตัวแรงคือจีน (-15% Y-Y) ฮ่องกง (-10% Y-Y) CLMV (-9% Y-Y) ยุโรป (-7% Y-Y) เราคาดว่ายอดส่งออกทั้งปีโต 0% เช่นเดียวกับเป้าของธปท. แต่ยังต้องติดตามท่าทีสหรัฐ-จีนที่แม้ยังเจรจาไม่จบแต่ก็ดูผ่อนคลายขึ้น และทิศทางค่าเงินบาทหลังจาก ธปท.ออกมาตรกาปกป้องค่าเงิน 
          (-) TMB มีกำไร 1.9 พันลบ.ใน 2Q19 +21% Q-Q, -5% Y-Y ดีกว่าเราและตลาดคาด จากรายได้ดอกเบี้ย (จากสินเชื่อและเงินลงทุน) และค่าธรรมเนียม (กองทุนรวม, ที่ปรึกษาทางการเงิน) ที่ดีกว่าคาด NIM ดีขึ้นจาก 2.84% ใน 1Q19 เป็น 2.88% และค่าใช้จ่ายลดลง แต่เราปรับกำไรปีนี้ลง 8% เหลือ 7.8 พันลบ. -32% Y-Y สะท้อนเป้าการเงินใหม่ของ TMB ที่ลดลงทั้ง Loan growth, deposit growth และรายได้ไม่ใช่ดอกเบี้ย ปรับราคาเป้าหมายลงเป็น 2.30 บาทจาก 2.58 บาท แต่ประเด็นเพิ่มทุนยังกดดันราคา ยังคงแนะนำเปลี่ยนตัวเป็น TCAP (ราคาเป้าหมาย 62 บาท) 
          (0) DTAC เราปรับเพิ่มกำไรปกติปี 2019-20 ขึ้น 13% เป็น 6.43 พันลบ. +146% Y-Y ในปีนี้และ 6.78 พันลบ. +5% Y-Y ในปีหน้า จากการฟื้นตัวของรายได้ที่ดีขึ้นเพราะการแข่งขันในอุตสาหกรรมที่ลดความรุนแรงหลังแต่ละค่ายถอนแพคเกจ Fixed speed unlimited ที่มีราคาต่ำออกไป และการคุมต้นทุนได้ดีกว่าคาด ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 60 บาทจากเดิม 49.50 บาท ราคาหุ้นสะท้อนปัจจัยบวกเรื่องการ Turnaround ของผลการดำเนินงานไปมากแล้ว คงคำแนะนำถือ  
          (0) SPALI เปิดตัวคอนโดใหม่ Supalai Park สถานีแยกไฟฉาย มูลค่า 2.27 พันลบ.เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาเริ่มต้น 6.05 หมื่นบ./ตรม. ทำยอดขายได้ 22% ต่ำกว่าเป้าทั้งปีของบริษัทที่ 30% ราคาหุ้นมี upside จำกัดเมื่อเทียบราคาเป้าหมายที่ 24 บาท แนะนำถือ
 
          (+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 17.70 จุด ปิดที่ 27,171.90 จุด หนุนจากการปรับขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังมอร์แกน สแตนลีย์ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายหุ้นแอปเปิล รวมถึงปัจจัยบวกจากข่าวว่าทำเนียบขาวและสมาชิกสภาคองเกรสที่ใกล้บรรลุข้อตกลงขยายเพดานหนี้
          (+) ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก จากการปรับขึ้นของหุ้นกลุ่มน้ำมันตามราคาน้ำมันท่ามกลางความตึงเครียดในตะวันออกกลาง 
          (+) ตลาดเอเชียปรับขึ้น ตามตลาดดาวโจนส์ซึ่งอยู่ในช่วงเปิดเผยผลประกอบการ
          (0) ค่าเงินบาทแกว่งในกรอบแคบ ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 30.86 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ 
          (+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 59 เซนต์ ปิดที่ 56.22 ดอลลาร์/บาร์เรล จากความกังวลเกี่ยวกับการขนส่งน้ำมันในอ่าวเปอร์เซีย หลังเกิดเหตุการณ์อิหร่านยึดเรือบรรทุกน้ำมันของอังกฤษในช่องแคบฮอร์มุซ ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยรายงานสต็อกน้ำมันดิบของ EIA ในวันพรุ่งนี้
          (+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 20 เซนต์ ปิดที่ 1,426.9  ดอลลาร์/ออนซ์ ในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัยท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง
 
          SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 825.18/+4.69 ตัน
 
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
24 ก.ค.   - ยูโรโซน: Markit Eurozone Composite PMI (มิ.ย.)
25 ก.ค.   - ไทย: รัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภา
          - ยูโรโซน: ECB ประชุม
26 ก.ค.   - สหรัฐ: GDP 2Q19
30 ก.ค.   - ไทย: Industrial production (มิ.ย.) 
          - ญี่ปุ่น: BOJ ประชุม
31 ก.ค.   - ไทย: ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจเดือน มิ.ย.
          - จีน: Manufacturing & Non-Manufacturing PMI (ก.ค.)
          - ฮ่องกง: 2Q19 GDP
 
          Contact person : Jitra  Amornthum  Register : 014530
          Contact person : Veeravat Virochpoka Register : 047077
          www.fnsyrus.com
          FB: Finansia Syrus Research

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!