หมวดหมู่: บริษัทจดทะเบียน

TRIS7 23


ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กร 'บ.เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์'ที่ 'BB+' แนวโน้ม 'Stable'

      ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ 'BB+' ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต 'Stable'หรือ 'คงที่'โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงผลการดำเนินงานของบริษัทที่ค่อนข้างมีความผันผวน รวมถึงภาระหนี้ที่อยู่ในระดับสูง และการกระจุกตัวของสินค้าคอนโดมิเนียมในกลุ่มราคาสูง การประเมินอันดับเครดิตยังพิจารณารวมไปถึงแบรนด์สินค้าของบริษัทที่เป็นที่รู้จักในตลาดคอนโดมิเนียมราคาสูงและยอดขายรอรับรู้เป็นรายได้ที่ค่อนข้างมากซึ่งจะช่วยรักษาระดับกำไรและกระแสเงินสดของบริษัทในช่วง 1-2 ปีข้างหน้าได้บางส่วน อย่างไรก็ตาม ความผันผวนและการแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัย ตลอดจนผลกระทบจากเกณฑ์การกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยเกณฑ์ใหม่ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งเริ่มบังคับใช้ในเดือนเมษายน 2562 ก็อาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการซื้อที่อยู่อาศัยในระยะ 2-3 ปีข้างหน้าด้วย

 

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

สินค้ากระจุกตัวอยู่ในคอนโดมิเนียมแนวสูง แต่ค่อย ๆ เพิ่มสินค้าคอนโดมิเนียมแนวต่ำและบ้านจัดสรร

    บริษัทมีสินค้าที่กระจุกตัวอยู่ในโครงการคอนโดมิเนียมแนวสูง ทั้งนี้ ณ เดือนมีนาคม 2562 บริษัทมีโครงการคอนโดมิเนียมจำนวน 26 โครงการ ซึ่งมียูนิตพร้อมขายมูลค่า 12,759 ล้านบาท โดยที่เกือบ 70% ของมูลค่ายูนิตพร้อมขายเป็นโครงการคอนโดมิเนียมแนวสูง นอกจากนี้ บริษัทยังมีโครงการคอนโดมิเนียมอีกจำนวน 3 โครงการที่พัฒนาภายใต้กิจการร่วมค้า โดย ณ เดือนมีนาคม 2562 โครงการในกิจการร่วมค้ามียอดขายไปแล้ว 84% และยังมียูนิตที่พร้อมขายคิดเป็นมูลค่าอีก 2,265 ล้านบาท

      โครงการคอนโดมิเนียมแนวสูงมีมูลค่าโครงการที่ค่อนข้างสูงและต้องใช้เวลาในการพัฒนานานกว่าโครงการคอนโดมิเนียมแนวต่ำ การมีสินค้าที่กระจุกตัวในคอนโดมิเนียมแนวสูงทำให้บริษัทมีรายได้ผันผวนในแต่ละปี ซึ่งรายได้จะขึ้นอยู่กับจำนวนโครงการที่พร้อมโอนในแต่ละปี ในขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น อัตราส่วนกำไร (อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้) ของบริษัทจึงมีความผันผวนสูงในช่วงที่ผ่านมา โดยเพิ่มขึ้นจาก 12.2% ในปี 2558 เป็น 21.5% ในปี 2559 และลดลงเหลือเพียง 5.6% ในปี 2560 อัตราส่วนดังกล่าวทรงตัวอยู่ที่ระดับ 10%-11% ในช่วงปี 2561 จนถึงไตรมาสแรกของปี 2562 โดยผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 2561 ใกล้เคียงกับประมาณการของทริสเรทติ้ง และมีการปรับตัวดีขึ้นในช่วงไตรมาสแรกของปี 2562

       บริษัทพยายามบรรเทาความเสี่ยงจากการกระจุกตัวของสินค้าด้วยการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมแนวต่ำภายใต้แบรนด์ Maestro โดยที่ลูกค้าเป้าหมายยังคงเป็นกลุ่มผู้มีรายได้สูง บริษัทยังมีแผนจะเพิ่มสินค้าประเภททาวน์โฮมและบ้านเดี่ยวเข้ามาอีกด้วย ในการนี้ บริษัทมีแผนจะเปิดขายโครงการบ้านจัดสรรมูลค่าประมาณ 2,500-3,000 ล้านบาทในปีนี้ ซึ่งโครงการบ้านจัดสรรจะใช้เวลาพัฒนาโครงการและส่งมอบสินค้าได้เร็วกว่าโครงการคอนโดมิเนียม ยอดขายรอรับรู้เป็นรายได้ที่ค่อนข้างสูงช่วยรักษาระดับรายได้และลดความผันผวนของกำไร

      ทริสเรทติ้ง มองว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทจะมีความผันผวนที่ลดลงในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าจากการที่บริษัทมียอดขายรอรับรู้เป็นรายได้ที่ค่อนข้างสูงซึ่งจะช่วยให้บริษัทมีรายได้และกำไรที่ต่อเนื่อง โดย ณ เดือนมีนาคม 2562 บริษัทมียอดขายที่รอรับรู้เป็นรายได้จากโครงการคอนโดมิเนียมของบริษัทเองมูลค่า 8,647 ล้านบาทและภายใต้กิจการร่วมค้ามูลค่า 5,344 ล้านบาท ซึ่งมูลค่ายอดขายของบริษัทเองคาดว่าจะสามารถรับรู้เป็นรายได้ประมาณ 2,300 ล้านบาทในช่วงที่เหลือของปี 2562 ส่วนอีก 4,000 ล้านบาทจะรับรู้ในปี 2563 และส่วนที่เหลือจะรับรู้ในปี 2564 ในขณะที่ยอดขายที่รอรับรู้เป็นรายได้จากกิจการร่วมค้าจะทยอยรับรู้เป็นรายได้ประมาณ 380 ล้านบาทภายในปีนี้ และอีก 1,880 ล้านบาทจะรับรู้ในปี 2563 ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ในปี 2564

      จากมูลค่ายอดขายรอรับรู้เป็นรายได้และมูลค่าสินค้าพร้อมขายจำนวนมากของบริษัท รายได้ของบริษัทคาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 6,500-7,500 ล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2562-2564 และอัตราส่วนกำไรน่าจะรักษาระดับอยู่ที่ประมาณ 12%-15% ในช่วงปี 2562-2564 โดยได้รับแรงหนุนจากมูลค่ายอดขายจำนวนมากที่คาดว่าจะทยอยส่งมอบในช่วงเวลาดังกล่าว ในระยะถัดไป หากบริษัทเปิดขายโครงการใหม่และมีโครงการส่งมอบอย่างต่อเนื่องก็จะช่วยบรรเทาความกังวลเกี่ยวกับความผันผวนของกำไรและกระแสเงินสดของบริษัทได้หลังจากที่บริษัทเคยเผชิญมาแล้วในอดีต

 

ภาระหนี้อยู่ในระดับสูง

       บริษัทมีภาระหนี้อยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายอื่น ๆ ที่จัดอันดับโดยทริสเรทติ้ง บริษัทพัฒนาเฉพาะโครงการคอนโดมิเนียมซึ่งใช้เงินทุนสูงและใช้เวลาพัฒนายาวนาน อัตราการขายที่ช้าและการก่อสร้างที่ใช้เวลานานจะส่งผลให้ภาระหนี้ของบริษัททรงตัวอยู่ในระดับสูง บริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนอยู่ในระดับ 70%-76% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา อัตราส่วนนี้อยู่ที่ระดับ 67% ณ เดือนมีนาคม 2562 เนื่องจากผลการดำเนินงานที่ปรับเพิ่มขึ้นและส่วนแบ่งกำไรจำนวนมากที่ได้จากโครงการภายใต้กิจการร่วมค้า จากการที่โครงการคอนโดมิเนียมหลายแห่งมีความคืบหน้าในการก่อสร้างและบริษัทมีแผนจะลงทุนเพิ่มทั้งคอนโดมิเนียมโครงการใหม่และโครงการที่สร้างรายได้ประจำ ดังนั้น ทริสเรทติ้งจึงคาดว่าภาระหนี้ของบริษัทจะยังคงอยู่ในระดับสูงในปีนี้ แต่จะค่อย ๆ ลดลงในปี 2563 และปี 2564 อย่างไรก็ตาม บริษัทจะต้องรักษาอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนให้ไม่เกิน 3.5 เท่าเพื่อให้เป็นไปตามเงื่อนไขของสัญญาการกู้ยืมเงิน

      ณ เดือนมีนาคม 2562 อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนของบริษัทอยู่ที่ 1.95 เท่า ส่วนใหญ่แล้วบริษัทใช้วิธีกู้ยืมเงินจากธนาคารและออกหุ้นกู้เพื่อใช้ซื้อที่ดินและใช้เป็นค่าก่อสร้างโครงการ ณ เดือนมีนาคม 2562 เงินกู้รวม (รวมเงินกู้จากกิจการร่วมค้าตามสัดส่วน 51%) ของบริษัทอยู่ที่ 10,888 ล้านบาท ซึ่งประมาณ 41% ของเงินกู้รวมเป็นเงินกู้ยืมโครงการระยะยาว อีก 52% เป็นการออกหุ้นกู้ และที่เหลือเป็นเงินกู้ยืมระยะสั้น

 

แบรนด์สินค้าเป็นที่ยอมรับในกลุ่มลูกค้ารายได้สูง

       บริษัทมีแบรนด์สินค้าที่เป็นที่ยอมรับในกลุ่มสินค้าที่อยู่อาศัยราคาสูง โครงการคอนโดมิเนียมของบริษัทพัฒนาภายใต้แบรนด์ Muniq’’M Series’ “Maru’’Metris’ และMaestro’ แบรนด์ดังกล่าวเป็นที่รู้จักเป็นอย่างดีในตลาดคอนโดมิเนียมราคาสูงโดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการที่ระดับราคาอยู่ในช่วง 120,000-170,000 บาทต่อตารางเมตร (ตร.ม.)

     ความสามารถในการแข่งขันของบริษัทในกลุ่มสินค้าคอนโดมิเนียมราคาสูงมาจากการมีสินค้าคุณภาพสูงด้วยขนาดห้องที่เหมาะสมกับรูปแบบการใช้งานและที่ตั้งโครงการที่อยู่ในทำเลที่ดี โดยโครงการส่วนใหญ่ของบริษัทตั้งอยู่ในทำเลที่ติดกับสถานีรถไฟฟ้าที่มีอยู่ในปัจจุบัน นอกจากนี้ ที่เหลือยังเป็นโครงการที่ตั้งอยู่ในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ๆ เช่น พัทยาและหัวหิน เป็นต้น ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาบริษัทได้กระจายไปสู่การทำโครงการที่มีขนาดเล็กลงด้วยการพัฒนาคอนโดมิเนียม 8 ชั้นและพัฒนาโครงการบ้านจัดสรรเพื่อลดเวลาการก่อสร้างให้สั้นลงแต่ยังคงเน้นลูกค้าเป้าหมายที่เป็นกลุ่มผู้มีรายได้สูงเช่นเดิม

 

มีความเสี่ยงจากความผันผวนและการแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัย

       แม้ว่า ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยจะขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจในประเทศโดยรวมเป็นอย่างมากแต่ก็มีความผันผวนมากกว่าภาวะเศรษฐกิจโดยทั่วไป การชะลอตัวของภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศประกอบกับภาวะหนี้ภาคครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงส่งผลต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคในตลาดสินค้าราคาปานกลางถึงต่ำในขณะที่กลุ่มลูกค้าของบริษัทเป็นสินค้าในกลุ่มของผู้มีรายได้สูงและมีกำลังซื้อที่ยืดหยุ่น อย่างไรก็ตาม การแข่งขันในตลาดที่อยู่อาศัยในระดับราคาสูงก็เริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้นเนื่องจากมีผู้ประกอบการที่ขยายเข้ามาสู่ตลาดนี้มากขึ้นเช่นกัน ดังนั้น บริษัทจึงควรบริหารจัดการการเปิดโครงการใหม่อย่างระมัดระวังเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าในแต่ละกลุ่ม

      ยิ่งไปกว่านั้น การบังคับใช้เกณฑ์การกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยซึ่งเป็นมาตรการใหม่ของ ธปท. ที่เริ่มใช้ในเดือนเมษายน 2562 นั้นยังอาจจะส่งผลกระทบต่อความต้องการซื้อของกลุ่มนักลงทุนภายในประเทศอีกด้วย ซึ่งภายใต้เกณฑ์ใหม่นี้ ผู้ซื้อบ้านสามารถกู้เงินได้ไม่เกิน 70%-80% ของมูลค่าหลักประกันสำหรับสัญญากู้ที่อยู่อาศัยหลังที่ 2 และหลังถัด ๆ ไป ซึ่งเป็นอัตราที่ลดลงจากเดิมที่สามารถกู้ได้ถึง 90%-100% ของมูลค่าหลักประกัน ดังนั้น ผู้ประกอบการอาจจะต้องยืดเวลาการผ่อนเงินมัดจำให้แก่ผู้ซื้อบางรายออกไป ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนเงินกู้ต่อมูลค่าหลักประกันที่ลดลงสำหรับสัญญากู้ที่อยู่อาศัยหลังที่ 2 และหลังถัด ๆ ไปนั้นจะช่วยลดความต้องการในการเก็งกำไรลงและจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ประกอบการในระยะยาว

 

สภาพคล่องยังคงตึงตัว

       บริษัทมีสภาพคล่องอยู่ในระดับที่ค่อนข้างตึงตัว บริษัทมีภาระหนี้ที่จะครบกำหนดในอีก 12 เดือนข้างหน้า (ไม่รวมเงินกู้ยืมโครงการ) มูลค่า 3,645 ล้านบาท แหล่งสภาพคล่องของบริษัทนั้นประกอบด้วยเงินสดจำนวน 386 ล้านบาทและวงเงินกู้ยืมระยะยาวที่ยังไม่ได้เบิกใช้อีกประมาณ 2,377 ล้านบาท ณ เดือนมีนาคม 2562 ทริสเรทติ้งคาดว่าเงินทุนจากการดำเนินงานของบริษัทในช่วง 12 เดือนข้างหน้าจะอยู่ที่ประมาณ 400-500 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทวางแผนจะชำระคืนหนี้หุ้นกู้ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนด้วยจากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ ซึ่งบริษัทจะต้องบริหารจัดการสภาพคล่องด้วยความระมัดระวัง

      จากประมาณการพื้นฐานของทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินของบริษัทจะอยู่ที่ระดับ 3%-5% ในช่วง 3 ปีข้างหน้า ในขณะที่อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายคาดว่าจะอยู่ที่ระดับประมาณ 1.5-2.5 เท่า

 

สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

สมมติฐานกรณีพื้นฐานที่สำคัญ ๆ ของทริสเรทติ้งมีดังนี้

•     บริษัทจะเปิดขายโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยในปี 2562 รวมมูลค่า 4,638 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วยคอนโดมิเนียมมูลค่า 2,013 ล้านบาท และการเปิดขายโครงการบ้านจัดสรรมูลค่า 2,625 ล้านบาท และในอนาคตยังคาดว่าบริษัทจะเปิดขายโครงการที่อยู่อาศัยใหม่มูลค่าประมาณ 3,000 ล้านบาทต่อปีด้วย

•     รายได้ของบริษัทจะอยู่ที่ประมาณ 6,500-7,500 ล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2562-2564 ในขณะที่บริษัทคาดว่าจะสามารถรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากกิจการร่วมค้าที่ประมาณ 150-200 ล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2562-2564

•     งบประมาณในการซื้อที่ดินของบริษัทอยู่ที่ประมาณ 1,000-1,500 ล้านบาทต่อปี

•     งบลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่าอยู่ที่ 600 ล้านบาทในปี 2562 และ 150 ล้านบาทในปี 2563

 

แนวโน้มอันดับเครดิต

     แนวโน้มอันดับเครดิต 'Stable' หรือ 'คงที่' สะท้อนถึงความคาดหวังของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะส่งมอบโครงการคอนโดมิเนียมได้ตามแผน อีกทั้งการที่บริษัทมียอดขายคอนโดมิเนียมที่รอรับรู้เป็นรายได้ในช่วงปี 2562-2564 จำนวนมากก็จะช่วยให้สถานะการเงินของบริษัทดีขึ้นในช่วง 2 ปีข้างหน้า อย่างไรก็ตาม การที่บริษัทมีแผนลงทุนจำนวนมากทั้งในโครงการคอนโดมิเนียมโครงการใหม่และโครงการที่สร้างรายได้ประจำ ดังนั้น ทริสเรทติ้งจึงคาดว่าภาระหนี้ของบริษัทจะยังคงอยู่ในระดับสูงในปีนี้และจะค่อย ๆ ลดลงในปี 2563 และปี 2564 อัตราส่วนกำไรคาดว่าจะอยู่ในช่วง 12%-15% และอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุน (รวมภาระหนี้ตามสัดส่วน 51% จากกิจการร่วมค้า) ของบริษัทคาดว่าจะอยู่ในช่วง 65%-70%

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

    ทริสเรทติ้ง อาจปรับอันดับเครดิตหรือแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทเพิ่มขึ้นหากบริษัทสามารถส่งมอบคอนโดมิเนียมได้ตามแผนและสามารถปรับลดอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนให้ลงมาอยู่ในช่วง 60%-65% เป็นระยะเวลาที่ต่อเนื่องได้ อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งอาจปรับอันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตลงหากผลการดำเนินงานและสถานะทางการเงินของบริษัทอ่อนแอลงจากระดับปัจจุบันอย่างมาก นอกจากนี้ ในกรณีที่อัตราส่วนกำไรของบริษัทลดลงต่ำกว่า 10% และ/หรืออัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนยังคงอยู่ที่ระดับประมาณ 75% เป็นเวลานานก็อาจเป็นปัจจัยในการปรับลดอันดับเครดิตด้วยเช่นกัน

 

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงิน, 5 กันยายน 2561

- วิธีการจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 31 ตุลาคม 2550

บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (MJD)

อันดับเครดิตองค์กร:             BB+

แนวโน้มอันดับเครดิต:           Stable

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com

ติดต่อ This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it. โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500

        บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2562 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้

        ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

3

Click Donate Support Web

ais 790x90

GC 950x120

sme 720x90

banpu 720x90 new1 1

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!